top of page

9 เส้นทางรถไฟวิวสวยจากทั่วทุกมุมโลก ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตคุณต้องมาพิชิต!

  • Admin
  • Oct 18, 2021
  • 3 min read

Updated: Oct 19, 2021

วันนี้เราจะมานำเสนอ 9 เส้นทางรถไฟ สำหรับนักเดินทางที่ชื่นชอบการดูวิวทิวทัศน์เป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โดยการนั่งรถไฟ บอกได้เลยว่าทุกเส้นทางที่เราจะพูดถึงในวันนี้สวยจนเรารู้สึกได้ว่าใช้คำว่าสวยเปลืองมากที่สุดเลยหล่ะครับ แต่ละเส้นทางจะมีที่ไหน แล้วอยู่ประเทศไหนบ้าง และจะมีประเทศไทยของเราด้วยหรือเปล่านั้น ทุกรายละเอียดของขบวนรถไฟจะเป็นอย่างไร มาดูกันได้เลยครับ


9 เส้นทางรถไฟวิวสวยจากทั่วทุกมุมโลก


1

Glacier Express, Switzerland


นี่คือเส้นทางรถไฟด่วนที่วิ่งช้าที่สุดในโลกตอบโจทย์เพื่อนๆที่ต้องการเดินทางไปเรื่อยๆ พร้อมชมวิวสองข้างทางที่สวยงามตามฤดูกาล เป็นหนึ่งในเส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสวิส ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง หรือ มากับบริษัททัวร์ก็ต้องห้ามพลาดเป็นอันขาด ตลอดเส้นทางจะใช้ระยะเวลาราวๆ 9 ชั่วโมง ตัวรถไฟจะแล่นอย่างช้าๆ พาคุณสัมผัสธรรมชาติ ทุ่งหญ้า ภูเขา อย่างเต็มอิ่ม ที่จะพาเราข้ามสะพานกว่า 291 แห่ง และลอดอุโมงค์อีกกว่า 91 แห่งสามารถเลือกสถานีขึ้นรถได้ทั้ง 2 สถานี ตามแผนท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นที่เซอร์แมทซ์ Zermatt หรือ St. Moritz แซ็งมอริสซ์ เพราะรถไฟขบวนนี้จะวิ่งไปมาหากัน หรือแม้แต่กับทริปสั้นๆก็ได้เพราะสวยเหมือนกัน


จุดไฮไลท์ที่ห้ามพลาด

ตลอดเส้นทางขบวนรถไฟจะพาผู้โดยสารแล่นผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวไปมาของเทือกเขา ซึ่งรวมถึงการวิ่งผ่าน เทือกเขาแอลป์ และจุดอื่นๆอีกเช่น บริเวณสะพาน Landwasser สะพานข้ามเขา ที่สูงเด่นเป็นสง่า ที่นี่ถือว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดวิศวกรรมในยุคนั้นเลยหล่ะครับ ผ่านแม่น้ำไรน์ซึ่งให้วิวที่สวยงามมากจนได้รับฉายาว่า แกรนด์แคนยอนแห่งสวิสเซอร์แลนด์อีกด้วย ก่อนที่รถไฟจะแล่นสู่จุดสูงสุดของช่องเขา Oberalp ที่สูงกว่า 2,033 เมตรเหล่านี้เป็นต้น


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

  • หากคุณมีบัตรโดยสาร Swiss Travel Pass ทุกประเภทอยู่ในมือ แนะนำให้คุณใช้สิทธิ์นี้ขึ้นท่องเที่ยวบนขบวนรถไฟได้ เพียงต้องทำการจองที่นั่งล่วงหน้า เลือกเที่ยวและวันเดินทางก่อนใช้บริการนั่นเอง แต่หากเดินทางแบบไม่มีบัตรเรลพาสก็จะต้องซื้อตั๋วราคาเต็ม หากต้องการเพิ่มความหรูหราระหว่างเดินทางเข้าไปอีก แนะนำให้จองที่นั่งในชั้น Excellence Class จะมีที่นั่งสุดหรูหราพร้อมเสิร์ฟมื้ออาหารระหว่างเดินทางให้เราด้วย ( เนื่องในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะต้องเช็คเงื่อนไขข้อนี้กับผู้ให้บริการอีกครั้ง ) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

  • ติดต่อซื้อตั๋วรถไฟ สวิสพาส ได้ที่

  • ( แล้วลิ้งค์ไปหาเราเพื่อขายสินค้าต่อ )

2

Rocky Mountaineer, Canada


เทือกเขาร็อกกี้ เป็นเทือกเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันตกของแคนาดา ในรัฐบริติชโคลัมเบีย (British Columbia) เชื่อมต่อมาถึงสหรัฐอมริกา ที่รัฐนิวเม็กซิโก (New Mexico) มีความยาวประมาณ 4,800 กิโลเมตร การนั่งรถไฟขึ้นไปชมความงดงามบนเทือกเขาร็อกกี้หลักๆ จะมีด้วยกันอยู่ 4 เส้นทาง โดยใน 3 เส้นทางหลักจะตั้งอยู่ภายในประเทศแคนาดา และอีก 1 เส้นทางอยู่ในสหรัฐอเมริกา นักเดินทางสามารถเลือกได้ตามแผนการท่องเที่ยวที่วางแพลนไว้ สำหรับจำนวนวันในการเดินทางจะมีให้เลือกได้ตั้งแต่ 3 คืน จนไปถึง 10 คืน ซึ่งหากนับวันที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 5 วัน 4 คืนปัจจุบัน มีอยู่ 2 แพ็คเก็จให้เลือกคือ Silverleaf Service และ Goldleaf Service นั่นเองครับ


จุดไฮไลท์ที่ห้ามพลาด

จุดไฮไลท์ของเส้นทางจะอยู่ที่ ความพรีเมี่ยมตลอดเส้นทางที่ลูกค้าจะได้รับ ไม่ว่าจะเป็นการบริการจากผู้ให้บริการทั้งเรื่องของตู้ขบวนรถไฟที่ทันสมัย ห้องโดยสารที่ดูโอ่อ่าหรูหราพร้อมหลังคากระจกใส เพื่อให้ผู้โดยสารได้มองเห็นทัศนียภาพแบบจุใจ 360 องศา เจ้าหน้าคอยดูแลอย่างใกล้ชิดพร้อมเสิร์ฟอาหารถึงที่นั่ง ด้วยวัตถุดิบสดใหม่จากท้องถิ่น ปรุงอย่างพิถีพิถันอย่างมืออาชีพ พร้อมไวน์หรือแชมเปญคู่มื้ออาหาร ด้วยเส้นทางที่ค่อนข้างไกลและใช้เวลาพอสมควรกว่าจะถึงตัวเทือกเขาร็อกกี้ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาหลายวัน จึงมีการแบ่งการเดินทางท่องเที่ยวออกเป็นส่วนๆ ไว้อย่างเหมาะสมในช่วงกลางวันเราจะได้สัมผัสแสงแดด ป่าไม้ เทือกเขา ลำธาร และธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ซึ่งเป็นวิวที่ไม่เคยซ้ำกันเลย และก่อนถึงช่วงค่ำจะแวะค้างแรมที่เมืองผ่าน ที่เราผู้โดยสารได้เลือกจากแพ็คเก็จตามความพอใจของเรา


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

หากเลือกเส้นทางในแคนาดา ทุกแพ็คเก็จจะเริ่มออกเดินทางที่เมืองแวนคูเวอร์ เมืองหลักด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของรัฐบริติชโคลัมเบีย ก่อนที่จะแยกกออกไปเป็น 3 เส้นทางซึ่งวางไว้ให้กับนักท่องเที่ยวนักเดินทางทุกกลุ่มประเภท ทั้งมีเวลาน้อย ไปจนถึง 10 วัน ซึ่งนอกจากเทือกเขาร็อคกี้จะเป็นหัวใจของทริปนี้แล้ว ยังมีสถานที่สำคัญที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงอีกครับ นั่นคือ ทะเลสาบหลุยส์ ทะเลสาบสีฟ้าใส สวยงาม ตัดกับเทือกวิวภูเขาร็อกกี้สีขาวด้านหลังได้อย่างลงตัว เป็นดั่งสวรรค์บนดินจริงๆ เลยทีเดียว ในปัจจุบันทางผู้ให้บริการออกแพ็คเก็จในราคาโปรโมชั่นมาแล้วนะครับ มีทั้งแบบ final call ปี 2021 หรือจะวางแพลนยาวๆ ตลอดทั้งปี 2022 ก็มีด้วยเช่นกันสอบถามเพิ่มเติม จองรถไฟในแคนาดา คลิก (เชื่อมมาหาเรา)

3

TheNapa Valley Wine Train , Usa


Napa เป็นเมืองหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการเป็นแหล่งปลูกองุ่นขนาดใหญ่ของรัฐที่นี่มีฟาร์มเกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมากรวมถึงยังมีโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์องุ่นเป็นสินค้าในรูปแบบต่างๆ อีกด้วย โดยหนึ่งในนั้นคือ ไวน์ ที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆ ของอเมริกา และของโลก ประกอบกับในช่วง ค.ศ.1864 เริ่มมีการสร้างเส้นทางรางรถไฟในพื้นที่ขึ้น จึงนำมาปรับใช้กับการท่องเที่ยว ใช้รับส่งคนไปเที่ยวตามฟาร์ม ตามไร่ ซึ่งส่งผลดีต่อคนในพื้นที่ ซึ่งฮิตมาจนถึงในยุคปัจจุบันตลอดเส้นทางคิดเป็นระยะทางกว่า 36 ไมล์จากเมือง Napa – St. Helena โดยระหว่างทางจะมีการเยี่ยมชมกระบวนการผลิตภายในฟาร์มต่าง ซึ่งมีนับร้อยๆ ฟาร์มในพื้นที่


จุดไฮไลท์ที่ห้ามพลาด

ให้บริการวางคอนเซ็ปท์ทัวร์ไวน์ในธีม Luxury Journey ซึ่งผู้โดยสารจะได้พบกับห้องโดยสารภายบนขบวนรถไฟที่ตกแต่งได้อย่างลงตัว หรูหรา มีการแบ่งแพ็คเก็จไว้หลากหลาย รองรับความต้องการของผู้เดินทางได้ครบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น คู่รักที่ต้องการความเป็นส่วนตัว โรแมนติก กับเพื่อนที่เฮฮาปาร์ตี้ หรือครอบครัวที่สบายๆ ไม่มีพิธีรีตองมากนัก ซึ่งทำให้ผู้เดินทางรู้สึกสบายใจผ่อนคลายขณะเดินทาง สำหรับอาหารที่เสิร์ฟในแต่มื้อ เชฟก็จะปรุงมาเป็นอย่างดีละเมียดละไม เสิร์ฟเคียงคู่พร้อมกับไวน์ชั้นเยี่ยมดูหรูหราเข้ากับธีม ผู้เดินทางจิบไวน์พร้อมอาหารรสเลิศ พร้อมปล่อยอารมณ์ชมวิวทิวทัศน์สวยงามที่เปลี่ยนไปมาอยู่เรื่อยไปตลอดเส้นทาง ปัจจุบันในเส้นทางไวน์แห่งนี้ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในเส้นทางห้ามพลาดระดับโลกไปแล้ว ไม่แพ้กับเส้นทางในยุโรปเลยหล่ะครับสนใจสอบถามเพิ่มเติม (ลิ้งไปหาเรา)


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

อีกหนึ่งกลไกที่น่าสนใจของ Napa Valley Wine Train คือ ที่นี่เปิดให้คู่รักที่เดินทางมาเยือนสามารถคล้องกุญแจคู่ได้ เช่นกันไม่น้อยหน้าที่โซล ในเกาหลีใต้ หรือ กรุงปารีส ของฝรั่งเศส เป็นการช่วยให้คู่รักมีความรักที่แข็งแรงขึ้น พร้อมกันนี้ทุกการจองของผู้โดยสารยังได้ร่วมทำกุศลกัลกลุ่มศิลปินที่มีความสามารถในการสร้างภาพศิลปะบนตัวรถไฟ โดยแบ่งเงินจำนวน 1 เหรียญ ชองเราไปทำกุศลนั้น หากท่านสนใจเดินทางสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ ติดต่อสอบถามตั๋วรถไฟ เครื่องบิน โรงแรม คลิก (ลิ้งค์ไปหาเรา)

4

The Ghan, Australia


The Ghan ขบวนรถไฟสุดหรูกับเส้นทางสุดตื่นเต้นของออสเตรเลีย เพื่อส่งเสริมการเดินทางการท่องเที่ยว พาผู้โดยสารไปค้นพบสถานที่สวยๆ ฉากดังๆ ที่เรามักพบได้ในอินเทอร์เน็ต เส้นทางที่ไกลที่สุดคิดเป็นระยะทางได้ถึง 2,979 กิโลเมตรจากตอนบนอย่างเมืองดาร์วิน มาถึง ตอนใต้ที่เมืองอดิเลท ที่เดินทางเข้าถึงอย่างยากลำบาก ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพราะผ่านทั้งช่วงที่เป็นพื้นที่แห้งแล้งแบบทะเลทราย ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสิ่งมีชีวิต หรือ ความน่าสนใจอื่นใด หรือผืนป่าไม้ดูลึกลับก่อนที่จะเดินทางถึงออสเตรเลียทางตอนใต้อันความอุดมสมบูรณ์ ใครที่กำลังมองหาทริปรถไฟดีๆ คุ้มๆ สักเส้นทาง นี่คือเส้นที่ห้ามพลาดกันเลยนะครับเพราะตัวแพ็คเก็จไม่ได้รวมเพียงแค่ตั๋วที่นั่งบนด้วยรถไฟ แต่ยังรวมถึง แพ็คเก็จนั่งเรือนิทมิลุค จอร์จ ที่ให้ความสะดวกสบายและผ่อนคลายได้เป็นอย่างยิ่งก่อนที่จะปิดท้ายทริปกับการเยี่ยมชมทะเลทรายของเมือง อลิส สปริง


จุดไฮไลท์ที่ห้ามพลาด

ตลอดทั้งทริปนี้เต็มไปด้วยจุดไฮไลท์ที่ห้ามพลาดซึ่งล้วนแต่มีอายุ มีความเก่าแก่ก่อนที่มนุษย์อย่างเราจะเริ่มนับตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์กันเสียอีก เช่น Mount Remarkable National Park เขตพื้นที่อุทยานที่ดูแลโดยภาครัฐ ซึ่งเป็น ถิ่นภูเขาเก่า ที่เกิดขึ้นมานานกว่า 600 ล้านปี หรือการได้ใกล้ชิดกับจระเข้สายพันธุ์ท้องถิ่นสุดเก่าแก่ ได้ชมวิวทิวทัศน์สุดอลังการของอุทยานแห่งชาติ Flinder Range ภูเขาลูกใหญ่ทางตอนใต้ ที่ยาวกว่า 450 กิโลเมตรพาดผ่านหลากหลายเมืองทางตอนใต้


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

โปรแกรมการท่องเที่ยวโดยรถไฟหรูในประเทศออสเตรเลีย มีเส้นทางวิ่งให้เลือกได้หลากหลายเส้นทาง ซึ่งเขาเลือกใช้สัตว์ในแต่ละท้องที่มาเป็นสัญลักษณ์ประจำเส้นทางนั้นๆ เช่น เส้นทางตอนใต้ (The Great Southern ) เลือกใช้ตัวจิงโจ้, ภาคกลาง ที่ส่วนใหญ่เป็นดินแดนแห่งทะเลทรายก็เลือกใช้ อูฐ ซึ่งตรงนี้เราสามารถเลือกเส้นทางที่สนใจตามประเภทสัตว์และลักษณะพื้นที่ที่เราต้องการไปท่องเที่ยวได้เลยนะครับ แต่ถ้าใครยังคิดแผนว่าจะเดินทางท่องเที่ยวในโซนไหนไม่ออก ทางเราขอแนะนำเส้นทางเริ่มต้นเป็นภาคกลาง และตัวโปรแกรม Outback Beauty ก็จะดีเยี่ยมแน่นอนนะครับ ยิ่งหากใครมีแพลนไปท่องเที่ยว อยู่หลายๆวัน คุ้มค่าและสวยงามแน่นอน แพ็คเก็จของปี 2022 เปิดให้จองกันแล้วใครอย่างลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก็เข้าไปดูได้เลยนะครับ

5

Tranzalpine, New Zealand


เส้นทางต่อมาที่อยากจะแนะนำสำหรับคนรักการเดินทางด้วยรถไฟ อยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ กับเส้นทาง Tranzalpine New Zealand กับเส้นทางชมทัศนียภาพอันงดงามของเกาะใต้ คือ ไครช์เชิรช์ ซึ่งทุกที่นั่งจะพบกับวิวและความพิเศษแบบนี้ได้ โดยเฉพาะวิวของเทือกเขาแอลป์ ที่ฮอตที่สุดที่หนึ่งของนิวซีแลนด์ที่ซึ่งเราจะมองเห็นจากทางด้านทิศใต้ การเดินทางจะเริ่มต้นจากเมือง ไครช์เชิรช์ จากนั้นวิ่งออกไปเรื่อยทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผ่านที่ราบสูงแคนเทอร์บิวรี่ อันอุดมสมบูรณ์ ผ่านแม่น้ำสายไวมาคาริริ ซึ่งเกิดมาก่อนที่จะเกิดภูเขาอีกด้วย ก่อนที่ถัดมาเราจะผ่านภูเขาอาเทอร์และพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ก่อนที่จะมุ่งหน้าสิ้นสุดที่เมือง เกรย์เม้าส์ ซึ่งเคยเป็นเหมืองทอง มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์


จุดไฮไลท์ที่ห้ามพลาด

เส้นทางไฮไลท์ของทริปนี้จะอยู่บริเวณ เส้นทางระหว่าง Christchurch เมืองชายหาดด้านตะวันออก – Greymouth เมืองชายทะเลด้านตะวันตก ผ่านหุบเขา วิวภูเขามากมาย รวมถึงเทือกเขาแอลป์ ที่สวยงามดั่งเวทมนตร์ที่ถูกเสกเป็นภาพขึ้นมา ขบวนรถไฟจะแล่นอย่างช้าๆ ให้เราถ่ายวิดิโอ หรือ เก็บภาพได้อย่างเต็มอิ่มจุใจ ก่อนที่เคลื่อนไปชมทิวทัศน์อื่นๆที่มีชื่อเสียงทางตอนใต้


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

ปัจจุบันการเดินทางด้วยรถไฟเพื่อชมทัศนียภาพในนิวซีแลนด์มีหลากหลายเส้นทางให้เราเลือก ทั้งเส้นทางชมเกาะตอนบน เส้นทางวิ่งริมชายหาด ที่จะมองเห็นมหาสมุทรแปซิฟิค หรืออย่างที่เราแนะนำเป็นเกาะใต้ ซึ่งจุดดีเลยคือจะเป็นรถไฟกระจกใส พร้อมรถตู้เสบียงที่จะคอยบริการด้านอาหารในทุกเส้นทาง มีทั้งเครื่องดื่ม ขนมทานเล่น พร้อมที่นั่งรับประทานแบ่งแบ่งสัดส่วนได้อย่างลงตัว หากใครต้องการรับประทานอาหารพร้อมวิวที่เสิร์ฟคุณถึงที่ ก็สามารถเข้าไปใช้บริการกันได้ด้วยนะครับ

6

Trans-Siberian Railway , Russia


เส้นทางทรานส์-ไซบีเรียน ประเทศรัสเซีย ถือได้ว่าเป็นเส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลก คิดเป็นระยะทางกว่า 9,289 กิโลเมตร ( 5,772 ไมล์ ) จุดเริ่มต้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ขบวนรถไฟจะวิ่งข้ามผ่านเทือกเขาอูราล ผ่านป่าไซบีเรียนที่อยู่กลางหุบเขา ก่อนจะเชื่อมต่อกับเมืองวราดิวอสสตอก ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของรัสเซีย ตลอดการเดินทางทั้ง 7 วันจะพาผู้โดยสารพบเจอแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นไอคอนมากมายทั้ง สะพานข้ามแม่น้ำโอบ ที่มีความยาว 984 เมตร ที่เมือง โนโวสิเบริซ์ เมืองใหญ่อันดับที่ 3 ของประเทศรัสเซีย รวมถึงจุดที่พบ น้ำสีน้ำเงิน ที่ทะเลสาบไบคาล ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก


จุดไฮไลท์ที่ห้ามพลาด

ทัศนียภาพที่สวยงาม บรรยากาศแต่ละวันที่ไม่ซ้ำกันเลยรวมถึงธรรมชาติที่พบเจอในแต่ละประเทศสิ่งเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ ทำให้ทรานส์ไซบีเรีย ก็ยังคงเป็นเส้นทางรถไฟข้ามประเทศที่คนยังพูดกันมาถึงทุกวันนี้ เราไม่สามารถหาเส้นทางไหนได้อีกแล้วที่จะโหดขนาดวิ่งข้ามกันระหว่างทวีปกันเลยทีเดียว จากยุโรปต่อถึงทวีปเอเชีย ผ่าน 3 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย มองโกเลีย และจีน เราจะได้มองเห็นความแตกต่างด้านวัฒนธรรม ภาษา วิถีชีวิต อาหารการกิน ของต่ละพื้นที่ ที่เดินทางไปถึง ทำให้การปรับตัวเรียนรู้กับคนอื่นๆนั้นง่ายมากยิ่งขึ้น ไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งที่เพื่อนๆห้ามพลาดเลยได้แก่ ตัวขบวนรถไฟ หากเราเดินทางเฉพาะกลับกลุ่มเพื่อน เราสามารถกดจองตู้แบบส่วนตัว ให้สะดวกสบายและมั่นใจได้อีกด้วย แถมบนขบวนรถไฟเองก็มีบริการที่ครบครันทั้งเหตุฉุกเฉินหรือไม่ก็ตาม ช่วยให้ทริปเพื่อนๆ ราบรื่นและสนุกสนานตลอดการเดินทางตามที่วางแผนไว้อย่างแน่นอน


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

ช่วงหน้าหนาว อย่างเดือน พฤศจิกายน – มีนาคม อุณหภูมิเฉลี่ยจะติดลบ ระหว่าง -9 ถึง –23 องศา แต่จะถ่ายรูปออกมาแล้วดูสวยที่สุด ส่วนอีกช่วงที่เป็นที่นิยมคือหน้าร้อน ระหว่างเดือนพฤษภาคม – กันยายน อากาศกำลังเย็นสบายอยู่ที่ระหว่าง 10 – 17 องศา ใครที่กำลังวางแพลน ดูตัวอย่างโปรแกรม เส้นทางและราคา

7

Flam Railway, Norway


Flam Railway เส้นทางรถไฟสายชมวิวที่ห้ามพลาดประจำประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเต็มไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยและเป็นที่ดึงดูดใจได้ดีที่สุด จากจุดออกสตาร์ทขบวนรถไฟจะพาเราวิ่งผ่านหมู่บ้านต่างๆ น้อยใหญ่ที่มีเอกลัษณ์ของตัวเองอย่างน่าสนใจ ผ่านผืนป่า น้ำตก ก่อนที่จะค่อยๆ ไต่ขื้นภูเขาสูงชัน โดยจุดที่อยู่สูงที่สุดของเส้นทางจะเป็นบริเวณ "หมู่บ้านฟลัม" ซึ่งมีความสูงกว่า 867 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งอยู่ในอ่าวกลางทะเล แถมเส้นทางรถไฟนี้ยังได้รับการบันทึกสถิติว่าเป็นเส้นทางรถไฟที่สูงชันที่สุดในยุโรป ก่อนที่จะผ่านบริเวณที่เป็นหุบเหวลึก ที่มองเห็นน้ำตกที่สวยๆที่ตั้งอยู่เป็นชั้นๆลดหลั่นกันออกไป ปิดท้ายสุดที่สถานีมีร์ดาล (Myrdal) สถานีรถไฟสายนี้ที่ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดบนเทือกเขานั่นเองครับ มีคนกล่าวว่าเส้นทางรถไฟแห่งนี้เปรียบได้ดั่งเวทย์มนต์มายากลที่มีคนเสกได้ ยิ่งเข้าใกล้ฤดูหนาวเมื่อใด ทิวทัศน์ ภูเขา ธรรมชาติเหล่านี้ ก็จะถูกหิมะเข้าปกคลุม ดั่งมีคนสร้างไว้คอยป้องกัน ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาที่ห้ามพลาดกันเลยหล่ะครับ


จุดไฮไลท์ที่ห้ามพลาด

ตลอดเส้นทางจากพื้นดินที่ขบวนรถไฟแล่นผ่าน ไปจนถึงที่สถานีไมดาล Myrdal ซึ่งเป็นจุดที่อยู่สูงที่สุดของเทือกเขาอีกด้วย เพื่อนๆจะได้รับชมธรรมชาติอย่างจุใจ รวมถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่ถูกเรียกว่า ฟยอร์ด Fjord ด้วย หรือ อ่าว นั่นเอง แต่เป็นอ่าว ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีลักษณะแคบและยาว เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งทีละนิดทีละนิดจนเว้าแหว่งประกอบกับนานวันเข้าแผ่นดินเกิดยกตัวสูง น้ำแข็งเริ่มละลาย จึงเกิดมาเป็นอ่าวที่ถูกล้อมไปด้วยภูเขาหน้าผาอย่างที่เห็นในปีจจุบัน ซึ่งไฮไลท์ของ ฟยอร์ด ในเส้นทางนี้มีชื่อว่า Songefjord ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศนอร์เวย์ด้วยกันนั่นเอง



ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

เส้นทางแห่งนี้ไม่เพียงแค่ถูกพูดถึงยกให้เป็นเส้นทางที่งดงามติดอันดับโลกแล้ว แต่ในเรื่องวิศวกรรม การก่อสร้างระบบรางต่างๆ การสำรวจ ความยาก ก็ยังถูกยกให้ติดอันดับต้นๆ ในประเทศนอร์เวย์อีกด้วยเช่นกัน ใครที่ยังคงสงสัยว่าเส้นทางแค่ 1 ชั่วโมงเองจะสวยงามขนาดนั้นเลยหรอ ก็ต้องมาพิสูจน์ให้เห็นด้วยตากันเองนะครับ

ติดต่อสอบถามข้อมูลซื้อตั๋วรถไฟในนอร์เวย์ ทำลิ้งค์ให้คลิก

8

Rovos Rail, Namibia


เส้นทางรถไฟโรโวส Rovos เส้นทางชมซาฟารีในนามิเบีย นี่คือเส้นทางรถไฟหรูหราอีกเส้นทางหนึ่งในทวีปแอฟริกา ทอดผ่านพื้นที่ป่าไม้กว่า 3,219 กิโลเมตรซึ่งรวมไปถึงจุดชมวิวที่มีความงดงามที่สุดของทวีปแอฟริกาทางตอนใต้อีกด้วย การเดินทางจะเริ่มต้นจากเมือง พริทอเรีย (Pretoria) ก่อนเข้าสู่เมืองคิมเบอร์เลย์ (Kimberley) เมืองทางผ่านที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยก่อนซึ่งเคยถูกขุดพบ เหมืองเพชร ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในบริเวณนี้ ก่อนที่ปัจจุบันจะกลายสภาพมาเป็น หลุมยักษ์ ที่ภายในมีน้ำสีฟ้า สวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวประจำเมืองใครก็ต้องแวะมา ขบวนรถไฟมุ่งหน้ากันต่อไปเรื่อยๆเราจะมองเห็นฟิชริเวอร์ แคนยอน (Fish River Canyon) ขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกน่าทึ่ง ที่คุณห้ามพลาด ก่อนที่จะเดินทางสู่ทะเลทรายเคลาฮารี โดยระหว่างทางจะแวะพักผ่อนที่เมืองวินฮอร์ค (Windhoek) เมืองแห่งสีสัน แถมยังมี่ความสำคัญของประเทศอีกด้วย เพราะนี่คือเป็นเมืองหลวงของนามิเบีย ก่อนข้ามเข้าสู่ทะเลทรายนามิบ (Namib Dessert) และปิดท้ายทริปนี้อย่างสมบูรณ์ที่เมือง สวาคอบมุนด์ (Swakopmund) ซึ่งยังคงอนุรักษ์บ้านเรือนแบบเยอรมนีไว้ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม


จุดไฮไลท์ที่ห้ามพลาด

เส้นทางนี้เพื่อนๆจะได้เข้าเยี่ยมชม อุทยานแห่งชาติเอโตช่า (Etosha National Park) ชมวิถีชีวิตสัตว์ป่า ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน ทั้งม้าลาย ช้าง กวาง พร้อมห้องพักค้างแรม ชมศูนย์อนุรักษ์และฟื้นฟูเสือชีต้าร์ ซึ่งเราจะได้ใกล้ชิดแบบ Exclusive สำรวจและท่องเที่ยวที่บริเวณทะเลทรายคาลาฮารี แบบจุใจ จะถ่ายรูปมุมไหนก็สวยงามเป็นที่สุด ก่อนที่จะเข้าสู่เมืองคิมเบอร์เลย์ ที่เดิมทีเคยเป็นเหมืองขุดเพชรขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมาก่อน พร้อมทริปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ด้วยนั่นเอง


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

จากไฮไลท์ตลอดทั้งโปรแกรม เส้นทางแห่งนี้จะพาเราไปชมความ Authentic ของภูมิภาคนี้แบบหมดเปลือก ซึ่งอนุรักษ์ไว้ได้อย่างดีที่สุด ซึ่งล่าสุดผู้ให้บริการก็ได้วางโปรแกรมการเดินทางไว้ยาวถึงปี 2023 กันแล้วนะครับ จะเริ่มต้นจำนวนวันที่ 10 วัน / 9 คืน ใครกำลังดูที่ท่องเที่ยวในแอฟริกาใต้ หรือดินแดนแปลกใหม่ให้กับตัวเอง เส้นทางนี้ก็ดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจนะครับ เที่ยวแอฟริกา นามิเบีย แบบส่วนตัว ☎️ 02-653-2050 หรือ แอดไลน์บายนาว @buynoww


©️Photo by Rovos Rail Tours

9

ทางรถไฟสายมรณะ กาญจนบุรี ประเทศไทย


นี่คือเส้นทางรถไฟสายสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทยหรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ เส้นทางรถไฟสายมรณะ สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กองทัพญี่ปุ่นบุกขึ้นฝั่งที่ประเทศไทย วางแผนที่จะสร้างเส้นทางคมนาคมจากไทยเชื่อมต่อยังประเทศพม่า เพื่อแหวกวงล้อมของกลุ่มสัมพันธมิตร ซึ่งตอนนั้นกำลังต่อสู้กันอยู่ในสงคราม ระหว่างที่ก่อสร้างเป็นไปอย่างยากลำบากส่งผลให้ มีเชลยศึก ทหาร หรือชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาสร้างล้มป่วย ตายนับหมื่นคน โดยการก่อสร้างเป็นไปอย่างเร่งรีบ แต่ในท้ายที่สุดก็แล้วเสร็จ ทางรถไฟสายนี้จากประเทศไทย-พม่า ระยะทางรวมกว่า 415 กิโลเมตร แบ่งเป็นฝั่งประเทศไทย 304 กิโลเมตร และเส้นทางที่พม่าอีก 111 กิโลเมตร ปัจจุบันทางการรถไฟนำเส้นทางนี้มาประชาสัมพันธ์ให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยว มีขบวนรถไฟนำเที่ยวขบวน 909 กรุงเทพ – สถานีน้ำตก วิ่งประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักฤกษ์


จุดไฮไลท์ที่ห้ามพลาด


ree

ตลอดเส้นทางที่ขบวนรถไฟวิ่งตั้งแต่กรุงเทพ จนถึงสถานีน้ำตก เราจะได้ชมไฮไลท์สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังมากมายไม่ว่าจะเป็น องค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ปูชยีสถานสำคัญประจำจังหวัดที่ใครผ่านไปผ่านมาต้องแวะสักการะกันทุกครั้ง ซึ่งภายในมีพื้นที่กว้างใหญ่ ขบวนรถไฟจะจอดที่สถานีเวลา 07.40 น.นอกจากแวะสักการะภายในวัดแล้วยังมีตลาดนัดมื้อเช้า ให้เดินช้อปปิ้งอยู่ด้วย มีร้านข้าวหมูแดงหมูกรอบแห่งองค์ปฐมเจดีย์ เป็นเจ้าเด็ด เจ้าดังที่ห้ามพลาดอยู่ด้วยนะครับ



ree

สถานีต่อมาคือ ชุมทางหนองปลาดุก เป็นสถานีรถไฟทางแยกระหว่างเส้นทางไปกาญจนบุรี กับเส้นทางลงไปภาคใต้ ซึ่งมีไฮไลท์ก็คือ ข้าวแกงป้าน้อย ที่เป็นข้าวแกงขายดีประจำสถานี ซึ่งเคยได้เข้าถวาย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งพระองค์เสด็จผ่าที่สถานีหนองปลาดุกแห่งนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบข้าวแกงป้าน้อย คนในพื้นที่ก็ยังชื่นชอบมาอุดหนุนกันอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่เห็นเด่นชัดจาก ข้าวราดแกงพูนๆใส่ในภาชนะเป็นกระทงสีเขียว มีทั้งหมด 4 เมนูให้เลือกได้คือ ข้าวพะแนงเนื้อ พะแนงหมู เขียวหวานไก่ และไข่พะโล้ ซึ่งขายเพียงกระทงละ 10 บาทเท่านั้น (©️ Photo from ป้าน้อย ข้าวแกงกระทงโบราณ)


ree


เมื่อเดินทางกันต่อก็จะเข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีเราก็จะไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเลยคือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งตัวสะพานสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โครงสร้างเดิมทีทำด้วยไม้ ต่อมารัฐบาลไทยซื้อสิทธิ์ในการดูแลเส้นทางรถไฟนี้กลับมาให้อยู่ในรัฐบาล จึงปรับโครงสร้างเป็นเหล็กซึ่งให้ความแข็งแรง ทนทาน ก่อนที่จะนำขบวนรถไฟมาวิ่งเชิงท่องเที่ยวอย่างในทุกวันนี้ ซึ่งรถไฟจะจอดให้เราถ่ายรูปประมาณ 20 นาที



ree



ถัดมาไม่นานนักเราจะมาเจอกับ ถ้ำกระแซ ซึ่งอยู่ติดกับทางรถไฟ ในอดีตจะเป็นที่พักของเชลยศึก และแรงงานที่ถูกเกณฑ์มาสร้างทางรถไฟ ในยุคสมัยปัจจุบันเป็นจุดแวะพักชมวิว รวมถึงจุดที่คนแวะเข้ามาไหว้พระ ขอพรซึ่งภายในมีพระพุทธรูปสักดิ์สิทธิ์รวมอยู่ด้วย




ree


ก่อนที่เราจะมาถึงสถานีสุดท้ายของการเดินทางนั่นก็คือ สถานีน้ำตก ที่ตัวสถานีจะตั้งอยู่ติดกับน้ำตกไทรโยคน้อย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ทุกวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์จะพบคนจำนวนมากที่เดินทางมาที่นี่ซึ่งมีน้ำตกอยู่หลากหลายชั้น มีบรรยากาศที่ร่มรื่น เย็นสบาย และเป็นสถานีสุดท้ายของทางรถไฟสายมรณะที่คงเหลือไว้ถึงปัจจุบัน



ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

ไม่เพียงแค่เส้นทางรถไฟสายมรณะ จะเป็นไฮไลท์ที่สำคัญในจังหวัดกาญจนบุรี ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่จัดแสดงเกี่ยวกับสงครามให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษาอย่างมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด สุสานทหารพันธมิตรดอนรัก รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรมอีกมากมาย สำหรับใครที่มีความสนใจวันเดย์ทริปกาญจนบุรี ดูโปรแกรมการเดินทาง

Comments


bottom of page